ไฟนอลแฟนตาซี (อังกฤษ: Final Fantasy; ญี่ปุ่น: ファイナルファンタジー) เป็นเกมชุดแฟนตาซีแนวเล่นตามบทบาท สร้างขึ้นโดยฮิโรโนบุ ซากางูจิ พัฒนาขึ้นและถือสิทธิ์โดยบริษัทสแควร์เอนิกซ์ (ก่อนหน้าคือสแควร์) เกมหลักภาคแรกวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อปีค.ศ. 1987 และตามด้วยอีก 14 ภาคหลักนับแต่นั้นเป็นต้นมา เกมชุดนี้ถูกยังถูกพัฒนาแตกแขนงออกเป็นแนวย่อยต่างๆมากมาย ทั้ง เกมแอ็กชันเล่นตามบทบาท (ARPG), เกมออนไลน์แบบเล่นตามบทบาท (MMORPG), เกมแข่งความเร็ว (Racing), เกมยิงจากบุคคลที่สาม (TPS), เกมต่อสู้ เป็นต้น และยังมีการดัดแปลงเป็นสื่อประเภทอื่นอาทิ อนิเมะ, มังงะ และนวนิยาย
ไฟนอลแฟนตาซีแต่ละภาคหลักมีการดำเนินเรื่องเป็นของตัวเอง มีตัวละครหลักและสถานที่แตกต่างกันไปตามแต่ละภาค แต่ทุกภาคจะถูกเชื่อมโยงหากันด้วยรายละเอียดเล็กน้อยบางอย่าง อาทิเครื่องจักรกล, พาหนะ และชื่อตัวละครบางตัว เป็นต้น เนื้อเรื่องแต่ละภาคนอกจากจะมุ่งเน้นไปที่วีรชนกลุ่มหนึ่งเข้าต่อสู้กับฝ่ายอธรรมแล้ว ยังแฝงไปด้วยบทสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในแง่มุมต่างๆ บ่อยครั้งที่พบว่าชื่อบางชื่อในเกมถูกนำมาจากประวัติศาสตร์, ภาษา, สถานที่, วัฒนธรรมประชานิยม ตลอดจนเรื่องปรัมปราจากทั่วทุกมุมโลก โครงสร้างของเกมแต่ละภาคยังมีระบบการต่อสู้หรือแผนที่คล้ายกัน วีดีโอเกมชุด ไฟนอลแฟนตาซี ประสบความสำเร็จทั่งในแง่เสียงวิจารณ์เชิงบวกและยอดขาย ปัจจุบันมียอดขายรวมแล้วกว่า 144 ล้านฉบับทั่วโลก กลายเป็นหนึ่งในเกมชุดขายดีที่สุดตลอดกาล เกมชุดนี้มีกิตติศัพท์ในด้านความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ รวมถึงเพลงประกอบโดยโนบูโอะ อูเอมัตสึ เช่นกัน เกมชุดนี้ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมวีดีโอเกมของญี่ปุ่นบริษัทสแควร์ (Square) ได้เริ่มเข้ามาสู่ธุรกิจวิดีโอเกมในช่วงกลางของยุค 1980 เพื่อพัฒนาเกมสวมบทบาท (RPG) สำหรับเครื่องเกมนินเทนโดฟลอปปีดิสก์ (FDS) ซึ่งเป็นอุปกรณ์แผ่นดิสก์เสริมภายนอกเพื่อเล่นแผ่นดิสก์สำหรับเครื่องเกมนินเทนโด (NES) จนกระทั่งในค.ศ. 1987 ความนิยมในเครื่องเกมฟลอปปีดิสก์ได้เสื่อมถอยลงจนบริษัทสแควร์ต้องประสบกับวิกฤตล้มละลาย และในขณะนั้นเอง ฮิโรโนบุ ซากางูจิ นักออกแบบเกมของสแควร์ก็เริ่มสร้างเกมสวมบทบาทแนวแฟนตาซีใหม่ในรูปแบบตลับเกมแฟมิคอม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเกมดราก้อนเควสต์ของบริษัทเอนิกซ์ (Enix)
ซากางูจิวางแผนไว้ว่าจะวางมือหลังจากสร้างเกมนี้เป็นเกมสุดท้าย เขาจึงตั้งชื่อเกมนั้นว่า ไฟนอลแฟนตาซี และเกมนี้จะเป็นเกมสุดท้ายของบริษัทสแควร์อีกด้วย แต่บางคนก็เชื่อกันว่าทางบริษัทสแควร์เป็นฝ่ายตั้งชื่อเกมนี้เอง มิใช่ตัวซากางูจิ แต่เขายืนยันเองว่าเกมได้ชื่อนี้เพราะเขาจะวางมือ อย่างไรก็ตาม ไฟนอลแฟนตาซี หาได้เป็นความมหัศจรรย์ครั้งสุดท้ายสมชื่อ เกมนี้ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กับทั้งบริษัทสแควร์และซากางูจิ และยังสร้างเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งเรื่องราวข้างต้นเป็นเรื่องที่มีการแต่งเสริมขึ้นมา ซึ่งฮิโรโนบุ ซาคากุจิ ได้บรรยายที่มหาวิทยาลัยริตสึเมกัง เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมค ค.ศ. 2015 ว่าประสบปัญหาในช่วงการพัฒนาเนื่องมาจากข้อจำกัดของเครื่องแฟมิคอม ส่วนชื่อ Final Fantasy นั้นมาจากความต้องการใช้คำย่อ “FF” ซึ่งออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นว่า “เอฟุเอฟุ” (エフエフ) แล้วฟังดูน่าสนใจ เริ่มแรกจะใช้ชื่อเกมว่า Fighting Fantasy แต่ชื่อนี้ถูกจดทะเบียนใช้งานไปก่อนแล้ว จึงเปลี่ยนมาเป็น Final Fantasy แทน จากความสำเร็จของภาคแรก สแควร์ก็เร่งผลิตเกมภาคใหม่ออกมา แต่ต่างจากภาคแรก ไฟนอลแฟนตาซี II มีเป็นตัวละครใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงดำเนินเรื่องราวตามแนวหลักเหมือนกับภาคแรก ซึ่งเกมในภาคต่อๆ มาก็ดำเนินเรื่องตามแนวหลักนี้เช่นกัน ไฟนอลแฟนตาซี ในแต่ละภาค จะแนะนำให้ผู้เล่นได้รู้จักกับโลกใหม่และระบบการเล่นใหม่ เกมในแต่ละภาคจะมีเนื้อเรื่องที่แตกต่างและไม่ต่อเนื่องกัน ยกเว้น ไฟนอลแฟนตาซี X-2 ในปีค.ศ. 2003 (หลังควบกิจการกับเอนิกซ์) ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อจากตอนจบของ ไฟนอลแฟนตาซี X ไฟนอลแฟนตาซี ได้ให้แนวทางสำหรับสแควร์เองในการผลิตเกมและภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องอีกหลายเกม รวมทั้งยังเป็นตัวอย่างแนวทางให้เกม RPG อื่น ๆ อีกหลายเกม เกมแรกสุดของ ไฟนอลแฟนตาซี วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 1987 เกมหลักภาคต่อมาถูกสร้างขึ้นโดยมีเนื้อเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคก่อนหน้า เกมไฟนอลแฟนตาซีจำนวนมากได้รับการแปลเพื่อวางตลาดทวีปอเมริกาเหนือ, ยุโรป และออสเตรเลีย ทั้งแบบลงเครื่องเล่นเกม, พีซีคอมพิวเตอร์ และเกมโทรศัพท์ เกมหลักภาคล่าสุดของไฟนอลแฟนตาซีคือ ไฟนอลแฟนตาซี XV ซึ่งวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ขณะเดียวกัน ทางบริษัทก็ได้ทำการรีเมคหรือรีมาสเตอร์เกมในภาคเก่าๆหลายเกมสำหรับเครื่องเล่นเกมยุคใหม่หรือในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
ไฟนอลแฟนตาซีสามภาคแรกถูกวางจำหน่ายบนเครื่องเกมนินเทนโด (NES) เกมภาคแรกวางตลาดญี่ปุ่นในปีค.ศ. 1987 และตลาดอเมริกาเหนือในปีค.ศ. 1990 และกลายเป็นเกมที่สร้างแรงบันดาลใจใก้แก่เกมแนวสวมบทบาท (RPG) บนเครื่องเกมจำนวนมาก มีการนำไปลงเครื่องเกมอื่นๆอีกในเวลาต่อมา เกมภาคสองวางตลาดญี่ปุ่นในปีค.ศ. 1988 และเกมภาคสามวางตลาดญี่ปุ่นในปีค.ศ. 1990 สัญลักษณ์หลักของไฟนอลแฟนตาซี แม้ว่า ไฟนอลแฟนตาซี ในแต่ละภาคจะมีเรื่องราวและระบบการเล่นต่างกัน แต่ก็มีสิ่งที่มีอิทธิพลหลักๆต่อรูปลักษณ์ของเกมเหมือนๆ กันในทุกภาค เช่น ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ เรื่องลึกลับ บางอย่างในเกม เช่น มอนสเตอร์ ไอเท็ม สิ่งของบางสิ่ง ตัวละครบางตัว ก็วนเวียนมาให้เห็นในเกือบทุกภาค และเป็นสิ่งที่ ไฟนอลแฟนตาซี ขาดมิได้ ถ้าขาดไป กลิ่นอายและเสน่ห์ของเกมก็คงจะจืดจาง เรือเหาะ – สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้เป็นพาหนะขนาดใหญ่ ทำให้เราสามารถบินข้ามฟาก ไปยังที่ต่างๆ ในแผนที่โลกของภาคๆ นั้นๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และไม่ต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ขณะเดินทาง นอกจากเป็นพาหนะแล้ว เรือเหาะยังเป็นคีย์ดำเนินเรื่องในเกือบทุกภาค ที่สังเกตได้ชัดใน ไฟนอลแฟนตาซี IV และ ไฟนอลแฟนตาซี IX บางครั้ง เรือเหาะก็ขับเคลื่อนโดยใบพัดขนาดยักษ์ หรือบอลลูน หรือเป็นยานอวกาศเลยก็มี ประเภทตัวละคร หรือ ระบบอาชีพ – ตัวละครที่บังคับได้อาจจะเป็น นักรบ นักเวทมนตร์ขาว นักเวทมนตร์ดำ พระ หรือขโมย ในบางภาคที่ผู้เล่นไม่สามารถเลือกประเภทของตัวละครที่จะเล่นได้ เพราะเป็นตัวละครดำเนินเรื่องหลัก นอกจากนี้ ใน ไฟนอลแฟนตาซี III, ไฟนอลแฟนตาซี V และ ไฟนอลแฟนตาซี แทคติกส์ ได้มีระบบ Job ให้เปลี่ยนประเภทของตัวละครได้ในขณะต่อสู้ด้วย แต่ใน ไฟนอลแฟนตาซี X-2 เรียกระบบ Job ว่า Dressphere ในแต่ละ Job และตัวละครก็จะมีอาวุธในตำนานที่ต้องเสาะหาในระหว่างเล่นเพื่อให้ตัวละครมีความสามารถสูงสุด เช่น ดาบมาสะมุเนะ ของนักรบ และ คาถาอัลทิม่าของนักเวทย์ดำ เป็นต้น
เวทมนตร์ – เวทมนตร์ใน ไฟนอลแฟนตาซี จะถูกแบ่งแยกเป็นสำนักเวทย์ต่างๆ ซึ่งมักตั้งชื่อตามสี เช่น มนต์ขาว ใช้สำหรับช่วยเหลือและรักษาผู้อื่น มนต์ดำ ใช้สำหรับโจมตี ในขณะที่ มนต์แดง ได้รวมคุณสมบัติช่วยเหลือและโจมตีเข้าไว้ด้วยกัน ต่อมาได้มีการเพิ่ม มนต์น้ำเงิน (บางครั้งเรียกว่า การเรียนรู้ Lore หรือทักษะคู่ต่อสู้ Enemy Skill) ใช้สำหรับเลียนแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้ มนต์เวลา เช่น Haste มนต์แรงโน้มถ่วง เช่น Demi มนต์ที่ใหม่ที่สุดในขณะนี้ คือ มนต์เขียว ซึ่งปรากฏใน ไฟนอลแฟนตาซี X-2 โดยใช้ชื่อว่า Sing และจะมีความสำคัญมากขึ้นใน ไฟนอลแฟนตาซี XII ารติดสถานะ และการรักษา – การติดสถานะต่างๆ ระหว่างการต่อสู้จะทำให้ตัวละครมีความสามารถลดลง เช่น การใบ้ทำให้ไม่สามารถใช้มนต์ได้ การติดพิษทำให้เสียพลังชีวิตในเวลาที่กำหนด การสับสนทำให้โจมตีพลาด การกลายเป็นหินทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย สำหรับการรักษา ต้องใช้ไอเท็มเฉพาะสำหรับแต่ละอาการ เช่น Echo Screen รักษาการใบ้ Soft รักษาการกลายเป็นหิน หรืออาจใช้มนต์ขาวก็ได้ เช่น Esuna หรือ Panacea เป็นต้น มอนสเตอร์ – ในทุกๆ ภาคตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา เราจะเห็นสัตว์ประหลาด ที่เราสามารถ ใช้ หรือ ต่อสู้ด้วยเหมือนๆ กัน เช่น เจ้าตัวที่เราทุกๆ คน รู้จักมักคุ้นมากที่สุด โจโคโบะ หรือ มูเกิล ซึ่งเป็นเหมือนตัวช่วยและผู้นำทาง ทั้งยังมีหน้าตาที่น่ารัก น่าเอ็นดู และเป็นขวัญใจของแฟนๆไฟนอลแฟนตาซีอีกด้วย และมอนสเตอร์ที่ออกมาเกือบทุกภาค เช่น ทอนเบอร์รี่ และ แคคทัวร์ นอกจากนี้ยังมี Summoned Monsters (หรือ Espers Guardian Forces Eidolons หรือ Aeons ที่เรียกต่างกันแล้วแต่ภาค) ที่เราสามารถอัญเชิญออกมาเพื่อช่วยต่อสู้ได้ เช่น Bahamut Shiva Ifrit Leviathan และ Ramuh ที่ออกมาให้เห็นในเกือบทุกภาคตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา ชื่อตัวละคร -ในเรื่องจะมาจากตำนานเทพเจ้าของหลายๆตำนาน เช่น กิลกาเมช หรือ แร็กนาร็อก จะทำให้เห็นว่า หลายตัวละครมีออกมาบ่อยซึ่งบางครั้งจะเป็นตัวละครเดิม หรือตัวละครใหม่แต่ใช้ชื่อร่วมกัน ที่โผล่มาบ่อยที่สุดในทุกภาคตั้งแต่ ไฟนอลแฟนตาซี II เป็นต้นมา ต้องยกแชมป์ให้ ซิด (Cid) แม้ในแต่ละภาคชื่อจะเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นคนเดียวกัน เพียงแค่จะมีลักษณะร่วม คือ เป็นเจ้าของ นักประดิษฐ์ ไม่ก็คนขับเรือเหาะ แม้ในภาพยนตร์ Final Fantasy: The Spirits Within ก็ยังมี ซิด (Sid) เพียงแค่สะกดคนละแบบ นอกจากนี้ Biggs กับ Wedge 2 คู่หู ที่เอาชื่อมาจากสตาร์วอรส์ ก็มีให้เห็นใน ไฟนอลแฟนตาซี VI,ไฟนอลแฟนตาซี VII, ไฟนอลแฟนตาซี VIII และ ไฟนอลแฟนตาซี X-2 Gogo (ไฟนอลแฟนตาซี V และ ไฟนอลแฟนตาซี VI) กิลกาเมช (ไฟนอลแฟนตาซี V, ไฟนอลแฟนตาซี VIII และ ไฟนอลแฟนตาซี IX) Lonewolf นักล้วงกระเป๋า (ไฟนอลแฟนตาซี V และ ไฟนอลแฟนตาซี VI) และ Sara (ไฟนอลแฟนตาซี I, ไฟนอลแฟนตาซี III, และ Final Fantasy IX) พล็อตเรื่อง – เนื้อเรื่องในแต่ละภาคมักเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น กลุ่มคนที่รวมกันเพื่อต่อต้านอิทธิพลทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา หรือสิ่งชั่วร้ายที่จะทำลายล้างโลก หรือความแตกต่างระหว่างธรรมชาติและเทคโนโลยี พล็อตเรื่องที่เป็นที่นิยมอีกอย่างหนึ่ง คือ เนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับ คริสตัล พลังทั้ง 4 ของโลก ที่ถูกควบคุมโดยคริสตัล ซึ่งเนื้อเรื่อง มักให้เราหาสาเหตุที่ว่า ทำไมโลกจึงปันป่วน, คริสตัลหายไปไหน, ตามหาคริสตัลคืนกลับมา (ไฟนอลแฟนตาซี I, ไฟนอลแฟนตาซี III, ไฟนอลแฟนตาซี IV, ไฟนอลแฟนตาซี V, ไฟนอลแฟนตาซี IX, และ ไฟนอลแฟนตาซี XI) อีกทั้งในภาคพิเศษ (Final Fantasy Mystic Quest and Final Fantasy Crystal Chronicles)